วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ค่าย การสร้างลักษณะนิสัยที่ดีให้เด็ก


องค์การพระคริสต์เพื่อชาวไทย
จัดสัมมนาการสร้างลักษณะนิสัยที่ดี
CHARACTER BUILDING
ค่ายโมรียาห์ อำเภอปากช่อง นครราชสีมา
วันที่ 19-21 ตุลาคม 2010


ยิ่งเราเข้าใจถึงธรรมชาติของลักษณะนิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร เราก็จะยิ่งเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ยากที่จะสามารถทำได้ด้วยตัวเราเองอย่างครบถ้วนได้เท่านั้น
คู่มือ วิชา การสร้างลักษณะนิสัยที่ดีของเด็ก
วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาจัดทำเป็นหลักสูตรสอนในชั้นเรียน,โรงเรียนคริสเตียน, รวีวารศึกษา,สัมมนา ฯลฯ
วันสัมมนา วันที่ 19-21 ตุลาคม 2010
สถานที่ ค่ายโมรียาห์ อ.ปากช่อง นครราชสีมา 30130
เป้าหมาย แนะนำคู่มือให้กับหัวหน้ากลุ่มคริสเตียนที่จะนำไปสอนเด็ก
เพื่อพัฒนาให้เข้ากับขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมไทย
เพื่อเผยแพร่และนำไปใช้กับโครงการอื่นๆต่อไป
เรียบเรียงและจัดทำโดย ศจ.ทัศนพงศ์ ล.สวุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพระคริสต์เพื่อชาวไทย
ลักษณะการสอน เช้า 3 ชั่วโมง บ่าย 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 20 ชั่วโมง
วันแรก 8.30-12.00 แนะนำคู่มือ บ่าย 3.00-5.00 ภาคปฎิบัติ
วันที่สอง 8.30-12.00 สัมมนา 1 บ่าย 3.00-5.00 ภาคปฎิบัติ
วันที่สาม 8.30-12.00 สัมมนา 2 บ่าย 3.00-5.00 ภาคปฎิบัติ
วันที่ สี่ 8.30-12.00 สัมมนา 3 บ่าย 3.00-5.00 สรุปผล
ค่าย การสร้างลักษณะนิสัยที่ดี
โดย องค์การพระคริสต์เพื่อชาวไทย ร่วมกับ องค์การ ดรุณาทร
THAILAND NATIONAL INSTITUTE FOR CHRIST with Compassion
October 26-29, 2010


สารบัญคู่มือครู
คำนำการใช้คู่มือครู
คำนิยามของคำว่าลักษณะนิสัย

1. ความรักอดทนนาน

1. ความรัก ตรงข้าม การเห็นแก่ตัว Love VS Selffishness
2. ทรหดอดทน ตรงข้าม ท้อง่าย Endurance VS Discouragement
3. มานะอดทน ตรงข้าม ใจร้อนไม่เป็นสุข Patience VS Restlessness
4. การให้อภัย ตรงข้าม ความขมขื่น Forgiveness VS Bitterness
5. ความชื่นบาน ตรงข้าม สงสารตัวเอง Joyfulness VS Self – pity
6. ความเชื่อ ตรงข้าม ความไม่เชื่อ Faith VS. Unbelief
7. ความภักดี ตรงข้าม การนอกใจ Loyalty VS Infidelity
8. การยืดหยุ่น ตรงข้าม ต่อต้าน Flexibility VS Resistance

2.ความรักกระทำคุณให้

9. ความอดกลั้น ตรงข้าม ปรับโทษด่าว่า Tolerance VS Condemnations
10. ความใจกว้าง ตรงข้าม ตระหนี่ขี้เหนียว Generosity VS Stinginess
11. ทำตัวให้พร้อมที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ตรงกันข้าม เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว Availability VS Self-Centeredness
12. การคิดสร้างสรร ตรงข้าม หยุดพัฒนา ( ไม่คิดทำอะไรให้ดีขึ้น ) Creativity VS Underachievement
13. ใจเมตตา ตรงข้าม ใจจืด Compassion VS Indifference
14. การรู้สึกไว ตรงข้าม แข็งกระด้าง , เมินเฉย Sensitive VS Callousness
15. การริเริ่มทำ ตรงข้าม การอยู่เฉยไม่ทำอะไร Initiative VS Idleness
16. สุภาพอ่อนโยน ตรงข้าม แข็งกระด้าง Gentleness VS Harshness
17. การตื่นตัวตลอดเวลา ตรงข้าม ไม่ใส่ใจเผลอเรอ Alertness VS Carelessness

3.ความรักไม่อิจฉา

18. การกตัญญูรู้คุณ ตรงข้าม การบ่นว่า Gratefulness VS Murmuring
19. ความรู้จักพอ ตรงข้าม โลภ contentment VS. covetousness
20. เก็บใช้ให้เกิดคุณค่า ตรงข้าม ทิ้งขว้างให้เสียเปล่า Resourcefulness VS. Wastefulness
21. กระเหม็ดกะแหม่ ตรงข้าม สุรุ่ยสุร่าย Thriftiness VS Extravagance
22. ความมั่นคง ตรงข้าม ความวิตกกังวล Security VS Anxiety

4.ความรักไม่อวดตัว

23. น้ำใสใจจริง ตรงข้าม หน้าซื่อใจคด Sincerity VS Hypocrisy
24. ใจสุภาพ, ใจอ่อนน้อม ตรงข้าม มักโกรธ ขี้โมโห Meekness VS Anger
25. ยอมอ่อนผ่อนตาม ตรงข้าม ทำให้สะดุด Deference VS Offensiveness

5.ความรักไม่หยิ่งผยอง

26. พลังคุณธรรม ตรงข้าม อ่อนแรง Virtue VS Weakness
27. ใจถ่อม ตรงข้าม ใจหยิ่งยะโส Humility VS Pride

6.ความรักไม่หยาบคาย

28. การบังคับตน ตรงข้าม การกระทำตามอำเภอใจ Self – Control VS Self – Indulgence
29. ความสุขุมเฉลียวฉลาด ตรงข้าม คิดตื้น ๆ Discretion VS Simple-Mindedness
30. ความรับผิดชอบ ตรงข้าม วางใจไม่ได้ Responsibility VS Unreliability

7.ความรักไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว

31. การมีน้ำใจอัธยาศัยไมตรี ตรงข้าม ไม่เป็นมิตร Hospitality VS Unfriendliness
32. เป็นที่ไว้วางใจได้ ตรงข้าม ไม่เสมอต้นเสมอปลาย Dependability VS Inconsistency

8.ความรักไม่ฉุนเฉียว

33. ให้เกียรติ ตรงข้าม ดูถูกเหยียดหยาม Honor VS Disrespect
34. ความระแวดระวังรอบคอบ ตรงข้าม เร่งร้อน Cautiousness VS Rashness
35. การตรงต่อเวลา ตรงข้าม ล่าช้าอืดอาด Punctuality VS Tardiness
36. ความมีระเบียบ ตรงข้าม ความสับสนวุ่นวาย Orderliness VS Confusion

9.ความรักไม่คิดร้ายใคร(ไม่ช่างจดจำความผิด)

37. การเชื่อฟัง ตรงข้าม เอาใจเป็นใหญ่ Obedience VS Willfulness
38. หมดจดถี่ถ้วน ตรงข้า ลวก ๆ ไม่แล้วเสร็จ Thoroughness VS Incompleteness
39. การมีจิตวินิจฉัย ตรงข้าม การพิพากตัดสิน Discernment VS Judgment

10.ความรักไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด

40. ความเที่ยงธรรม ตรงข้าม ต้องเท่าเทียมกัน Justice VS Fairness
41. การตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ตรงข้าม สองจิตสองใจ Decisiveness VS Double - Mindedness
42. ความตั้งใจจริง ตรงข้าม เหลาะแหละโลเล Determination VS Faintheartedness

11.ความรักชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ(ความจริง)

43. ความสัตย์จริง ตรงข้าม โกหกหลอกลวง Truthfulness VS Deception
44. ใจกล้า ตรงข้าม ขี้ขลาด Boldness VS Fearfulness
45. โน้มน้าวชักชวน ตรงข้าม เถียงเพื่อเอาชนะ Persuasiveness VS contentiousness
46. ขยันหมั่นเพียร ตรงข้าม เกียจคร้าน Diligence VS Slothfulness
47. กระตือรือนร้น ตรงข้าม ไร้ซึ่งอารมณ์ Enthusiasm VS Apathy
48. ใจจดจ่อ ตรงข้าม วอกแวก Attentiveness VS Distraction
49. มีปัญญา ตรงข้าม โง่เขลาเบาปัญญา Wisdom VS Foolishness

การแบ่งกลุ่มเพื่อการอภิปราย

แบ่งกลุ่มออกตามที่ต้องการ ตามเท่าที่ผู้มาร่วมประชุม โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีการแสดงออกความคิดเห็นของลักษณะนิสัยต่างๆ โดยให้ตอบในใบสำรวจแต่ละเรื่องแล้วให้ผู้นำกลุ่มนำการสรุปมาแบ่งปันในกลุ่มใหญ่

สิ่งที่อยากจะได้ออกมาจากการประชุมกลุ่มย่อยนี้

• ลักษณะนิสัยที่เด่นชัดแบบไทยๆถึงปัญหาและอุปสรรค์ที่พบเห็นมา
• ตัวอย่างเปรียบเทียบจาก คน สัตว์ ฯลฯ ที่สามารถสื่อความหมายของลักษณะนิสัยต่างๆได้อย่างชัดเจน
• ฝึกให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทำการทำแผนที่ความคิดของลักษณะนิสัย

คำนำ การใช้คู่มือครู

• การโยงหาสาเหตุของปัญหาข้อขัดแย้ง

การขัดแย้งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรานั้น เราสามารถที่จะโยงไปหาสาเหตุ ถึงการละเลย การก้าวร้าว หรือการที่บุคคลนั้นไม่รู้จักการควบคุมกิริยามารยาทที่ดีงามได้ ยกตัวอย่างเช่น วัยรุ่นที่ดื้อด้านต่อผู้ปกครองนั้น เราสามารถสืบลึกไปถึงการขาดการให้เกียรติ การไม่เชื่อฟัง หรือการไม่ให้อภัยที่ฝังลึกในใจของวัยรุ่น ปัญหาความขัดแย้งที่ภรรยามีอยู่ อาจจะโยงไปถึงการรู้จักความพอดี การรู้ถึงคุณค่า หรือ ความชื่นชมยินดี ส่วนสามีที่มักจะขุ่นเคืองต่อครอบครัวเสมอๆ อาจจะต้องเข้าค่ายอบรมพิเศษ เรื่องความอดทน การมีปัญหา การยืดหยุน การถ่อมใจ การรู้จักควบคุมตนเอง และการแสดงความรักที่แท้จริง
ลักษณะนิสัยแต่ละอย่างก็ต้องการคุณลักษณะที่พอดีๆ ที่สมดุลย์ ไม่เด่นในลักษณะนิสัยอันหนึ่งอันใดมากจนเกินไป จะต้องให้มีความสมดุลย์และพอดี ยกตัวอย่างเช่น การยืดหยุ่น จะต้องให้เกิดสมดุลกับความรับผิดชอบมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นคนไม่มีหลักไม่มีเกณต์อะไรก็ได้ไม่เป็นไรไปทุกเรื่อง หรือการที่มีใจจดจ่อ จะต้องให้สมดุลย์กับการตื่นตัวและการอ่านใจคนออก มิฉะนั้นก็จะมีแต่เรื่องจุกๆจิกตลอดทั้งวันเป็นต้น

• เข้าใจถึงความเป็นไปไม่ได้ของลักษณะนิสัยที่แท้จริง

ยิ่งเราเข้าใจถึงธรรมชาติของลักษณะนิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร เราก็จะยิ่งเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ยากที่จะสามารถทำได้ด้วยตัวเราเองอย่างครบถ้วน ยกตัวอย่าง เช่นเราอาจจะคิดว่า เราเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ แต่จริงๆแล้วเราเพียงกตัญญูรู้คุณกับบางคนหรือบางสถานะการณ์ที่เป็นผลประโยชน์ต่อเราเท่านั้น ในกรณีที่เราเกิดมีวิกฤติในชีวิต เรายังจะมีใจกตัญญูรู้คุณหรือเราจะกล่าวโทษผู้อื่นหรือต่อว่าพระเจ้า คนอื่นเขามองเห็นเราเป็นคนกตัญญูรู้คุณคนหรือเรามีใจและมีท่าทีของการกตัญญูรู้คุณคนจริงๆหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว การมีคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดี คือเป็นผลของการสำแดงความรักที่แท้จริงออกมานั่นเอง ความรักที่แท้จริงจะพลุ่งออกมาเหมือนน้ำพุจากใจ ที่พร้อมจะมีการเสียสละให้ ไม่มีการกระทำเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนใดๆแก่ตนเองเลย คนที่มีความรักแท้จะสำแดงคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดีปรากฏออกมาอยู่ตลอดเวลา

• เรียนรู้ที่จะมีพลังของลักษณะนิสัยที่ดี

เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนส่วนมากจะท้อถอย ยอมแพ้หรือมีความข่มขื่นเกิดขึ้นในใจหรือมีนิสัยดุร้ายก้าวจุดนี้เองที่เราจะมาถึงการยอมให้พระเจ้าขัดเกลานิสัยของเราและให้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ทำงานในชีวิตของเราแทนสิ่งที่เราแสดงออกมาด้วยกำลังและเนื้อหนังของเราเอง เพราะมีหนทางเดียวที่เราจะมีความรักที่แท้จริงได้นั่นก็คือ โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่จะทำงานในตัวเราได้อย่างแท้จริง
มีขั้นตอนของการที่เราจะได้รับฤทธิ์อำนาจแห่งความรักที่แท้จริงนี้ ก็คือการเริ่มต้นที่จะประกอบเต็มล้นไปโดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ในขั้นตอนนี้เราจะถูกทดสอบโดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การสนองตอบของเราต่ออุปสรรค์ปัญหาแต่ละอย่างนั้นจะต้องมี

• การขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี แม้กระทั่งวิกฤติปัญหาในชีวิตของเรา
• รู้จักความชื่นชมยินดีในทุกสิ่งโดยการมองหาส่วนดีของทุกๆอย่าง
• เข้าใจรู้จักการนำเอาพระวจนะของพระเจ้าที่สดใหม่ทุกวันมาใช้ในชีวิต
• รู้จักทูลอ้อนวอน คร่ำครวญ ต่อพระเจ้าเมื่อคราวจำเป็น
• มีใจในการทำดีกับทุกคนแม้กระทั่งศัตรูของตนเอง

เมื่อเราสามารถเข้าใจและมีความรับผิดชอบต่อการสนองตอบของอุปสรรค์ตามคุณสมบัติเหล่านี้ได้แล้ว เราก็จะมีประสบการณ์แห่งพลังของความรักที่แท้จริงและคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดีอื่นๆได้ด้วย

อะไรคือลักษณะนิสัยที่ดี

• ลักษณะนิสัยคือท่าทีส่วนลึกของแต่ละคนที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องตามมาตราฐานศีลธรรมที่ดีที่สุดของคนๆนั้นเท่าที่เขามีอยู่ในการแสดงออกต่อทุกๆสถานะการณ์รอบตัวเขา
• ลักษณะนิสัยประกอบขึ้นด้วยคุณสมบัติลักษณะส่วนตัวที่ฝั่งแน่นในตัวบุคคลนั้นๆที่บ่งบอกถึงการสนองตอบต่อสถานะการณ์รอบข้างไม่ว่าสถานะการณ์นั้นจะยากง่ายเพียงไรก็ตาม
• ลักษณะนิสัยคือการสนองตอบอันฉลาดต่อสถานะการณ์ที่กดดันอันยากลำบาก ว่าเราจะทำอย่างไรแม้ว่าไม่มีใครเห็นเราก็ตาม การกระทำอันนั้นจะบ่งบอกถึงนิสัยที่ดีหรือไม่ของเรา
ความหมายของลักษณะนิสัยในพระคัมภีร์จะหมายถึง”ภาพพิมพิ์” ความหมายดั้งเดิมคือแม่พิมพิ์หรือเครื่องมือแกะสลักพิมพิ์ ต่อมามีความหมายคือการแสดงออกของคนนั้นๆ ตามปกติแล้วหมายความถึงการตัดเจาะ หรือตรายาง ตัวอักษร จดหมาย เครื่องหมาย ป้าย ความหมายเหล่านี้คือคำอธิบายของลักษณะนิสัย สิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนของสัญญลักษณ์ที่เครื่องหมายเหล่านี้แกะสลักไว้”ฮีบรู 1.” พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นภาพพิมพิ์ของพระเจ้านั่นเอง หรือพระลักษณะนิสัยของพระเยซูคริสต์เป็นพิมพิ์เดียวของพระเจ้า

ทำไมเราจะต้องเรียนรู้เรื่องลักษณะนิสัย

1. ลักษณะนิสัยจะสำแดงองค์พระเยซูคริสต์เจ้าออกมา เพราะพระองค์ทรงผดุงไว้ด้วยพระลักษณะนิสัยที่ดีทั้งหมดทั้งปวง
2. การเข้าใจถึงลักษณะนิสัยแต่ละอย่าง จะช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมสิ่งต่างๆเกิดขึ้นแก่เรา เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นเพื่อเป็นการดีสำหรับเราที่จะถูกสร้างขัดเกลาเป็นเหมือนองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามากยิ่งขึ้นทุกวัน
3. เข้าใจถึงคุณสมบัติที่ล้ำค่าเหล่านี้จะช่วยให้เรายกย่องชมเชยคุณสมบัติที่ดีเช่นนี้ที่มีในตัวคนอื่นด้วย

ทำไมจึงต้องมีการตีความหมายคำจำกัดความของลักษณะนิสัย

การตีความหมายของคำจำกัดความของลักษณะนิสัยอย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะคุณสมบัติของลักษณะนิสัยเป็นเรื่องสากลที่มนุษย์ทั่วโลกเข้าใจและยอมรับลักษณะนิสัยที่ดีนี้เหมือนกันหมดทั่วโลก เพราะพื้นฐานนั้นถูกสร้างมาจากพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งพระบัญญัตินี้ก็ถูกจารึกไว้ในจิตใจของมนุษย์ทุกคนแล้ว ดังนั้นเมื่อใครสักคนหนึ่ง โกหก หรือขโมยหรือล่วงประเวณี เขาก็จะมีจิตใต้สำนึกฟ้องใจเขาว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แม้ว่ามีความรู้พื้นฐานในความจริงว่าคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดีคืออะไรก็ตาม แต่การนำมาปฎิบัติใช้ในชีวิตประจำวันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นเดียวกันกับกฏหมายของพระเจ้าในพระคัมภีร์ด้วย เราสามารถดูตัวอย่างในวันของผู้เผยพระวจนะเอษราได้
“1ประชาชนทั้งปวงได้ชุมนุม พร้อมหน้ากันที่ลานเมืองหน้าประตูน้ำ และเขาบอกเอสราธรรมาจารย์ ให้นำหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาแก่อิสราเอลนั้นมา 2เอสราปุโรหิตได้นำธรรมบัญญัติมาหน้าชุมนุมชน ทั้งชายและหญิงและบรรดาผู้ที่ฟังเข้าใจได้ ณ วันต้น ของเดือนที่เจ็ด 3และท่านหันหน้าไปทางลานเมืองหน้าประตูน้ำ อ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนเที่ยงวัน ต่อหน้าผู้ชายผู้หญิงกับบรรดาผู้ที่ฟังเข้าใจได้ และประชาชนก็ตะแคงหูฟังพระธรรม 8และเขาทั้งหลายอ่านจากหนังสือ จากธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นตอนๆ และเขาก็แปลความ ประชาชนจึงเข้าใจข้อความที่อ่านนั้น นหม.8.1,8

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องอธิบายและขยายความของคุณสมบัติของลักษณะนิสัยแต่ละอย่างเพื่อนำไปใช้ปฎิบัติอย่างถูกต้องต่อไป เช่นเดียวกันการที่เรารู้จักลักษณะนิสัยที่ดีแล้ว เราก็จะสามารถมองเห็นผู้สอนเทียมเท็จที่เข้ามาในรูปแบบสุนัขจิ้งจอกในขนแกะ

การทดสอบคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดีที่แท้จริงนั้น

  • ประการแรกคนๆนั้นมีใจสนองตอบวิญญาณเดียวกับของเราหรือไม่ มีลักษณะของพระลักษณะของพระเจ้าและขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าและของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่
  • ประการต่อมาคือการยืนยันในความรักแท้ที่ปรากฏในลักษณะนิสัยอันอื่นด้วยหรือไม่ เช่นคุณลักษณะนิสัยของความอดกลั้นใจจะต้องไม่ขัดกับคุณลักษณะนิสัยของการสุขุม เฉลียวฉลาด การบังคับตนเอง การให้เกียรติหรือการมีพลังคุณธรรม
  • การทดสอบประการที่สาม ก็คือผลของคนนั้นสำแดงออกมาในผลของพระวิญญาณบยริสุทธิ์หรือไม่(มธ.7.20,กท.5.22)
ลักษณะนิสัยต่างจากศาสนาอย่างไร

ลักษณะนิสัยไม่ใช่ศาสนา ลักษณะนิสัยอยู่ในทุกศาสนาเป็นมาตราฐานสากลทั่วโลกที่ถูกฝังลึกในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคน เมื่อพระเจ้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระลักษณะของพระองค์ พระองค์ประทานความสามารถแห่งจิตใต้สำนึกแห่งการรู้ดีรู้ชั่วและความต้องการพึ่งพาพระลักษณะแห่งคุณธรรมที่ดีของพระเจ้าไว้ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน

ดังนั้นเมื่ออาดัมและเอวาได้หลงทางทำบาป ทันใดนั้นตาแห่งการรู้ดีรู้ชั่วก็เปิดออก เขาไม่ต้องให้ใครมาสอนเขาว่าเขาทั้งเปลือยกายอยู่ เขาอายและแอบซ่อนตัว นั่นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่อปรากฎตัวต่อพระเจ้า

ทำไมการสร้างลักษณะนิสัยจำต้องพึ่งพาพลังฤทธิ์เดชจากพระเจ้า

มีนักร้องไทยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้เป็นพยานว่า ก่อนที่เขาจะมารู้จักกับพระเจ้า เขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศสร้างความสุขให้กับผู้คนมากมายโดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เป็นแฟนเพลงเธออย่างคลั่งไคล้ แต่ชีวิตหลังเวทีของเธอก็ไม่ต่างไปจากศิลปินที่ให้ความสุขจอมปลอมนี้แก่ประชาชน คือไม่มีความสุข ชีวิตสับสน ไม่มีการรู้จักบังคับตัวเอง หันเข้าหาสิ่งเสพติด แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย ชีวิตเธอทรุดหนักลงจนถึงกับจะฆ่าตัวตาย ในที่สุดเมื่อเธอได้ยินข่าวประเสริฐขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า ความหวังและกำลังใจเริ่มก่อเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันซึ่งก็เลยเวลานั้นมาหลายปีแล้วที่เธอไม่เพียงหลุดออกมาจากโลกที่มืดมนเท่านั้น เธอได้อุทิศตัวเป็นผู้นำเพื่อนๆ น้องๆ ให้พบกับความสุขที่แท้จริงในชีวิตอีกด้วย

พลังฤทธิ์เดชจากพระเจ้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีลักษณะนิสัยที่ดีได้อย่างครบถ้วน

ในการเอาชนะนิสัยไม่ดีต่างๆเช่น ความใคร่ตัณหา โกหก หรือลักเล็กขโมยน้อย นั้น เราก็รู้ว่าจะต้องพึ่งพิงอำนาจของพระเจ้าถึงจะหลุดออกมาได้ ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่แล้วลักษณะนิสัยบางอย่างของบางคน ดูเหมือนเขาโตมาพร้อมกับนิสัยที่ดีหรือได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี เขาจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้าที่จะสร้างลักษณะนิสัยของเขาด้วยหรือ
ทำไมบางคนมีระเบียบวินัยในชีวิตตรงต่อเวลาหรือบางคนมีความโอบอ้อมอารี เมตตา สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาเลย แล้วเขาต้องการฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าทำไม คำตอบก็คือ คุณสมบัติของลักษณะนิสัยทั้งหมดนั้นมันต้องเชื่อมต่อกันได้และสำแดงผลออกมาในความรักที่แท้จริง
บางคนนั้นอาจจะมีคุณสมบัติของการตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อนัดแล้ว เขาจะต้องตรงต่อเวลาทุกครั้งไปขณะเดียวกันคนนี้ที่มีลักษณะนิสัยตรงต่อเวลานี้อาจจะมีปัญหาที่ไม่ค่อยอดทนกับคนที่มาช้าหรือทำให้เขาต้องมานั่งคอย ท่าทีของเขาต่อการตรงต่อเวลานั้นอาจจะทำให้คนอื่นมองดูว่าน่าชื่นชมแต่เขากลับขาดความอดทนและไม่มีคุณสมบัติของความถ่อมใจ
อีกคนหนึ่งมีใจบุญสุนทานชอบช่วยเหลือคนทุกข์ยากลำบาก แต่เงินทองที่เขานำมาช่วยเหลือคนจนนั้นอาจจะไม่ใช่เงินที่สะอาดหรือทำไปก็หวังผลตอบแทนตนเองซึ่งเป็นความโลภ พระคัมภีร์ก็บอกว่า ความชอบธรรมของมนุษย์ก็เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้ว และการเสียสละที่ไม่มีความรักก็ไม่ใช่มาจากพระเจ้า (1คธ.13.3)
ดังนั้นคุณสมบัติของลักษณะนิสัยทั้งหมดจึงโยงใยไปหากันด้วยความรักที่แท้จริงของพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีพลังฤทธิ์เดชอำนาจจจากพระเจ้าที่จะสามารถกระทำคุณสมบัติเหล่านี้ได้ เพราะมันไม่ใช่ลักษณะนิสัยของมนุษย์ธรรมดาที่จะสามารถทำได้ แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับลักษณะนิสัยที่ดีเหล่านี้เราสามารถทำได้โดยสันชาติญาณเก่าแห่งบาปของเราได้อย่างถนัด เช่น การเห็นแก่ตัว ใจดำ ขี้เหนียว ใจแคบ ผยองลำพอง ขี้โมโห
การสำแดงคุณสมบัติของลักษณะนิสัยที่ดีโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่นั้นเป็นไปไม่ได้เลย นี่แหละจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องพึงพิงฤทธิ์อำนาจพลังของพระเจ้าจึงจะสามารถมีลักษณะนิสัยที่ดีอย่างครบถ้วนได้

เคล็ดลับของการสร้างลักษณะนิสัยคือ การยอมรับรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาด้วยพระประสงค์ที่จะสามัคคีธรรมกับพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ในสิ่งที่เป็นไปได้ยากสำหรับมนุษย์แต่ไม่ยากสำหรับพระเจ้า มนุษย์จะต้องรู้จักการเรียนรู้ที่จะร้องหาต่อพระเจ้าของเขาตลอดเวลา
คนที่คิดว่าเขามีลักษณะนิสัยที่สามารถรักษาหลักธรรมคำสอนในพระบัญญัติของพระเจ้าได้ เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษยบ์ธรรมดาไม่สามารถรักษาได้หมดเลยหรือได้อย่างถูกต้อง
ในพระวจนะของพระเจ้าที่มีคำสั่งไว้ เช่นว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นคนปราศจากตำหนิต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน” ฉธบ.18.13 “เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเราพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เป็นผู้บริสุทธิ์ “ ลวต.19.2 “สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย คือความโกรธ ความขัดเคือง การคิดปองร้าย การพูดให้ร้าย คำพูดหยาบโลน 9อย่าพูดมุสาต่อกัน” คส.3.8

คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะทำไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงมีพระบัญญัติเหล่านี้ออกมาเพื่อที่มนุษย์จะต้องรักษาการสมัคคีธรรมกับพระเจ้าของเขาอยู่เสมอ เพื่อที่เขาจะร้องเรียกหาพระเจ้าในเวลาที่เขาจำต้องใช้คุณลักษณะนิสัยเหล่านี้ออกมา

นี่คือน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงสร้างมนุษย์มา พระองค์ต้องการให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงนำมาจากดินนี้ สื่อสาร ใกล้ชิด รักพระองค์ ขณะเดียวกันที่มนุษย์นี้จะได้มีลักษณะนิสัยของพระองค์ไปสู่เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆด้วย

การสามัคคีธรรมในพระเจ้านี้จะต้องตั้งบนพื้นฐานของความรักแท้จริง ความรักไม่ใช่เป็นการเรียกร้องแต่จะต้องสนองตอบด้วยความสมัครใจเอง ความรักแท้จะเกิดขึ้นมาจากความต้องการที่สัมพันธ์กันสองด้าน ดังนั้นพระเจ้าจึงยอมอนุญาติให้มีเหตุการณ์และความรับผิดชอบที่จะนำให้เราไปอยู่ในต่ำแหน่งที่มีแต่เรากับพระเจ้าที่เท่านั้น ที่เราร้องหาพระองค์ด้วยใจจริง ที่เราต้องการแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ สิ่งนี้ต้องออกมาจากใจจริงของเรา ในเวลานั้นเองที่พระเจ้าจะสำแดงฤทธิ์เดชและความรักของพระองค์ให้แก่เรา เพื่อที่เราจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์และเติบโตในความรักที่แท้จริงของเราที่เรามีต่อพระองค์

ลักษณะนิสัยพระคริสต์นำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร

ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัย
คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีนั้นมาจากการที่คนนั้นโตมาในความรับผิดชอบที่ดีและถูกต้อง กับคนในครอบครัว กับตัวเอง เพื่อน ธุรกิจ หน้าที่การงาน ชุมชน สังคม คริสตจักรและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับพระเจ้า ความสำเร็จที่แท้จริงนั้นจะต้องมาจากความเข้าใจที่ถูกต้องกับสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ ถ้าคนใดที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแต่ล้มเหลวในชีวิตสมรส ไม่ได้หมายความว่าเขาประสบความสำเร็จที่แท้จริงเลย
คู่มือนี้บรรจุคุณลักษณะนิสัย 49 ประการที่เป็นผลออกมาจากความรักแท้จริง เมื่อเข้าใจและสำแดงออกมาอย่างถูกต้องแล้ว คุณสมับัติต่างๆเหล่านี้จะนำไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง